ละครเวที "ศูนย์หาย" | Behind the Sound

ประเดิมงานละครเวทีแรกแห่งปีด้วย “ศูนย์หาย” บทละครแปลจาก "A Disappearing Number" ของ Complicite กำกับโดย Simon McBurney ซึ่งเป็นบทละครอังกฤษที่การันตีคุณภาพด้วยรางวัล Best New Play จากหลายสถาบัน ในครั้งนี้ Lab 5 Soundworks ได้มีโอกาสออกแบบเสียงและทำดนตรีประกอบให้ โดยมี "ใหม่" อาภัสสร ผาติตานนท์ เป็นผู้กำกับให้กับละครเรื่องนี้ การแสดงจัดขึ้นในเทศกาลละครวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ และศิลปนิพนธ์ ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 17-19 มีนาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ศิลปการละครสดใส พันธุมโกมล
เอาล่ะ มาดูกันดีกว่าว่า งานนี้ Lab 5 Soundworks มีวิธีคิดและวิธีการทำงานอย่างไรกันบ้าง !!

Meets a Director | พบปะ
จากการพูดคุยเบื้องต้นและอ่านเรื่องย่อพอสังเขปของละครเวทีเรื่องนี้ที่ว่า “ที่อังกฤษ ‘อัล’ ถูกขังอยู่ในห้องเลคเชอร์ คืนนั้นเขาหวนคิดถึง ‘รูธ’ คนรักของเขา นักคณิตศาสตร์ผู้ทุ่มเททั้งชีวิตให้ตัวเลข ปี 1914 ‘รามานุจัน’ นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะชาวอินเดียเดินทางไปถึงอังกฤษเพื่อร่วมงานกับ ‘จี.เอช. ฮาร์ดี้’ นักคณิตศาสตร์ชื่อดังระดับโลก นำไปสู่เรื่องราวแห่งความเชื่อมโยง ตัวเลข และอินฟินิตี้” แล้ว พวกเราก็สนใจขึ้นมาทันที หลังจากการอ่านบทจริงๆ ทำให้ค้นพบว่า มิติของละครมีความซับซ้อน ทั้งมิติของเวลา สถานที่ และตัวละคร ซึ่งท้าทายมากสำหรับการออกแบบเสียงและการทำดนตรีประกอบ
การคุยกันครั้งแรกเป็นการรวมตัวกันของ Designer ทุกๆ ฝ่าย มีการอธิบายบทละคร การตีความ ทิศทางที่ต้องการให้มีในละคร และให้นักแสดงอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้ทุกฝ่ายมองเห็นภาพ "ใหม่" ผู้กำกับ ให้พื้นที่ในการพูดคุยกันของ Designer แต่ละฝ่าย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความเป็นกันเองให้กับคนในโปรดักชั่น
Meets a Director | ทีมละครนัดประชุมครั้งแรก
New Approach | ตีความใหม่
ตอนอ่านบทเองกันครั้งแรก มีความไม่เข้าใจหลายอย่าง เนื้อเรื่องมีการตัดสลับไปมาระหว่างอดีต ปัจจุบัน และห้วงความคิด รวมถึงสถานที่ที่เปลี่ยนไปมาระหว่างอังกฤษ อินเดีย สวิสเซอแลนด์ สนามบิน แม่น้ำ โรงแรม มหาวิทยาลัย แต่ทุกอย่างก็เชื่อมโยงกันในบางจุด ซึ่งทำให้เกิดความสับสน แต่เมื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับบทพร้อมกับผู้กำกับไปแล้ว ทุกอย่างก็กระจ่างขึ้น ทำให้เราเข้าใจ Stage Direction ที่เขียนไว้ในบทต้นฉบับได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของดนตรี
ในบทต้นฉบับ ดนตรีที่ใช้เน้นหนักไปที่ดนตรีพื้นบ้านอินเดีย อย่างการใช้เครื่องดนตรี Tabla และการขับร้อง มาใช้เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งนักดนตรีจะเล่นดนตรีสดอยู่ในฉากประหนึ่งว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง จากจุดนี้เองทำให้ Lab 5 Soundworks ตีความดนตรีประกอบใหม่ และลองเสนอแนวคิดที่ได้ให้กับผู้กำกับ โดยเลือกดนตรีเครื่องดนตรีที่มีความสมัยใหม่ อย่างเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดนตรีออร์เคสตร้า และยังคงเครื่องดนตรีอินเดียไว้ด้วย (Tabla และ Sitar) ตัวดนตรีมีความเป็น minimal ที่เน้นหนักไปที่ความเป็นอิเล็กทรอนิกส์ ผสมกับดนตรี Ambient ความสนุกและท้าทายของละครเรื่องนี้คือการหลอมรวมเอาความเป็นคณิตศาสตร์ ความรัก การเดินทาง การเปลี่ยนผ่านช่วงเวลา ถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงดนตรีให้ได้
Paperworks and Demo | เอกสารและการทำเพลงตัวอย่าง
เมื่อทิศทางต่างๆ ของโปรดักชั่นเริ่มชัดเจนขึ้น ขั้นตอนต่อไปคือ การวางแผนการทำงาน เนื่องจากคิวเพลงและเสียงในละครเรื่องนี้มีมากมาย ทั้งเสียง Voice Over เสียง Sound Effects และเสียง Sound Design ในช่วงนี้เราต้องทำงานเอกสารกันค่อนข้างเยอะ ลิสรายละเอียดทั้งหมดที่มี แยกประเภทของเสียง เพื่อให้ทำงานได้สะดวกขึ้นในอนาคต อีกเหตุผลหนึ่งที่จำเป็นต้องมีเอกสารก็เพราะเราทำงานกันเป็นทีม เอกสารจะช่วยให้เราตรวจสอบได้ว่าเรามีหรือขาดเหลืออะไรบ้าง
แม้ว่าจะอ่านบทแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 รอบแล้วก็ตาม เราก็ยังไม่สามารถที่จะแต่งเพลงประกอบได้เลย 100% เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดต่างๆ ของละคร ทั้งการแสดง ฉาก แสง อารมณ์ของนักแสดง รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ สิ่งที่ทำได้ก็คือการทำเดโม เพื่อรวบรวมไอเดียและวัตถุดิบของเสียงที่คิดออกจากการอ่านบทและสิ่งที่อยากให้มีในละครมารวมกันไว้

ตัวอย่างเอกสารต่างๆ ที่ใช้ในการทำเสียงและดนตรี
Voice Over Recording Session | บันทึกเสียงพูด
เอกสารพร้อม !! ในเอกสาร Voice Over สิ่งที่ต้องมีก็คือ บทพูดทุกคิว ที่ต้องบันทึกเสียง พร้อมระบุว่าบทพูดนั้นอยู่ในหน้าไหน ฉากไหน นักแสดงเป็นใคร มีใครเป็นผู้ให้เสียง และช่อง Check list สำหรับเช็คว่าเราบันทึกเสียงไปหรือยัง ส่งให้ผู้กำกับหรือยัง หรือว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เสร็จแล้วก็ปริ้นออกมาเตรียมไว้ได้เลย
ก่อนจะทำการบันทึกเสียง ผู้กำกับจะต้องเตรียมนักแสดงโดยให้นักแสดง Tune in กับบทบาทและอารมณ์ของตัวละครก่อน แล้วเลือกบทพูดที่ต้องการบันทึกเสียงตามลำดับ ในกรณีที่นักแสดง 1 คนเป็นหลายตัวละคร ก็จะให้นักแสดงคนนั้นบันทึกเสียงตัวละครไปทีละตัว ตามความสำคัญและความยาวของบท หลังจากได้เสียงพูดครบแล้ว เราก็มาจัดการทำความสะอาดเสียง (Clean up) ปรับแต่งเสียง ใส่ Effect ต่างๆ ให้เข้ากับสถานการณ์และบทละคร เช่น เสียงข่าวในทีวี เสียงกัปตันบนเครื่องบิน หรือเสียงที่เป็นเสียงในห้วงความคิด เป็นต้น เหตุผลที่เริ่มทำการบันทึกเสียง Voice Over ก่อน ก็เพื่อให้นักแสดงไว้ใช้ฝึกซ้อม และทางผู้กำกับก็จะสามารถส่งวีดีโอการซ้อมมาให้เราทำเพลงได้เร็วขึ้นนั่นเอง
Scoring Session | มาแต่งเพลงกัน
มาต่อกันที่ขั้นตอนการแต่งเพลงกัน จากที่ได้ทำเอกสาร (Cue Sheet) ไปแล้ว เราก็รู้แล้วว่าละครเรื่องนี้ต้องมีเพลงกี่เพลง เข้าออกตรงไหน มีอารมณ์แบบไหนบ้าง ก็มาเริ่มแต่งเพลงจากวัตถุดิบที่มีได้เลย ตอนนี้เรามีบทละคร เสียง Voice Over และ Sound Effects จึงเป็นการง่ายที่สามารถกะจังหวะการพูดของนักแสดงได้ประมาณหนึ่ง ทำให้การแต่งเพลงมีเป้าหมายมากขึ้นด้วย
การเริ่มแต่งเพลงสำหรับละครเรื่องนี้ เริ่มจากจินตนาการถึงอารมณ์ การดำเนินเรื่อง และบทละครในช่วงที่ต้องการจะแต่งเพลงให้ได้แบบคร่าวๆ ลองเลือกเสียงหรือเครื่องดนตรีที่เข้ากับสถานการณ์ของเรื่อง พร้อมทั้งยึดวัตถุดิบหลักจากเพลงตัวอย่างที่ทำไว้แล้ว มาใช้ในการแต่งเพลง ลองแต่งไปเรื่อยๆ แล้วเช็คกับบทเป็นระยะๆ ว่าเพลงนี้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ หรือเปล่า สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือ วิธีการเข้า-ออกของเพลง เพลงจำเป็นจะต้องเข้ามาแบบทันทีทันใด หรือเข้ามาแบบเนียนๆ ในฐานะคนแต่งเพลงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกแบบวิธีการเข้า-ออกของดนตรีอย่างมาก
เมื่อทำเพลงเกือบครบทุกเพลงแล้ว ก็ทำการนัดซ้อมเข้าโรงละครเพื่อดูการแสดง ขั้นตอนนี้เราก็ใช้เพื่อเช็คความเรียบร้อย ทั้งความยาว และอารมณ์ต่างๆ ว่าเพลงที่ทำมาโอเคแล้วหรือไม่กับฉากนั้นๆ จากนั้นก็ลุยแต่งเพลงต่อๆ ไปได้เลย
In Theatre | เข้าโรงละคร
เย่ ได้เข้าโรงละครแล้ว เพลงทุกอย่างเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเข้าไปดูซ้อมใหญ่ที่โรงละคร การเข้าโรงละครแต่ละครั้งของเรา ก็เพื่ออัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ของละคร เช่น การแสดง ฉาก แสงสี และอื่นๆ เพื่อปรับดนตรีให้เข้ากับการแสดง เช่น ความสั้น-ยาวของบทเพลงในฉากต่างๆ อารมณ์ของเพลงหรือแม้แต่เพิ่ม-ลดรายละเอียดต่างๆ เพื่อสนับสนุนการแสดงอย่างสมบูรณ์ที่สุด
ก่อนวันแสดงจริง 1-2 วัน เราต้องเข้าไปตรวจเช็คความเรียบร้อยของระบบเสียงในโรงละครด้วย ตั้งแต่ การ Set Up ลำโพง ตำแหน่งการวางลำโพง และเช็คความดัง-เบาของเสียง การ Sound Check เสียงต่างๆ ในโรงละครนั้น เริ่มทำตั้งแต่การให้นักแสดง แสดงและออกเสียงเสมือนแสดงจริง เพื่อปรับความดัง-เบาของเสียงดนตรี Voice Over และ Sound Effect ให้ไม่ดังกลบเสียง Dialogue สำหรับละครเวทีเรื่องนี้ไม่มีไมโครโฟนให้นักแสดง แต่เสียงอื่นๆ จะออกจากลำโพงทั้งหมด ทำให้ยากที่จะให้ทุกอย่างกลมกลืนกัน ฉะนั้นการ Sound Check ถึงถือเป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ทำให้เสียงทั้งหมดในการแสดงมีความลื่นไหลและกลมกลืนกันมากที่สุด

เข้าโรงละครวันแรก ให้น้องๆ ซ้อมเปิดเสียง
สำหรับละครเวที “ศูนย์หาย” ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การทำงานที่สนุกสนานมากทีเดียว นอกจากเราจะได้อ่านบทละครดีๆ ตีความบทละครสนุกๆ แล้ว เรายังสร้างสรรค์ผลงานที่ผสมผสานความหลากหลายของดนตรี ไม่ว่าจะเป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ดนตรีอินเดีย ในแนวดนตรีแบบ Minimal และ Ambient แม้ว่ารายละเอียดเสียงต่างๆ ที่นอกเหนือจากดนตรี ในละครเรื่องนี้จะเยอะมาก แต่ก็ทำให้เราได้ทดลองอะไรใหม่ๆ มากมาย ถือเป็น
โปรดักชั่นแห่งมิตรภาพที่ดีอีกงานหนึ่งเลยทีเดียว

แสดงจริงรอบแรก
Lab 5 Soundworks ขอขอบคุณครูมิ (อ.สินนภา สารสาส) ที่ทำให้ได้เจอกับผู้กำกับไฟแรงอย่าง น้องใหม่ มากๆ เลยฮะ สุดท้ายแล้ววววววว สำหรับใครที่ชื่นชอบ สามารถรับชมรับฟังดนตรีประกอบของ “ศูนย์หาย” ได้ในลิ้งค์ข้างล่างเลย !! ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามอ่าน Blog ของเรา เจอกันใหม่ใน Blog หน้าฮะ